เอ็สเอ็ส มาร์ซเชียร์ อิน ไฟน์เดสลันด์

เอ็สเอ็ส มาร์ซเชียร์ อิน ไฟน์เดสลันด์ (SS marschiert in feindesland-"เอ็สเอ็สยาตราทัพสู่ดินแดนศัตรู") หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า บทเพลงปีศาจ (Devil song) เป็นเพลงมาร์ชที่ถูกใช้โดยหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส กองกำลังติดอาวุธของพรรคนาซีในนาซีเยอรมนี ประวัตินั้นไม่ได้บ่งบอกว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่เดิมนั้นได้นำทำนองของเพลงเพลงมาร์ชที่มีชื่อว่า Lied der Legion Condor ของหน่วยทหารนกแร้งแห่งกองทัพอากาศลุฟท์วัฟเฟอ ในส่วนของเนื้อเพลงจะแฝงความรักชาติ และแนวคิด"สู้จนตัวตาย"ซึ่งเป็นแนวคิดที่นิยมกันในสมัยนั้น ตัวเนื้อเพลงจริงๆมีการเปลื่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของสงคราม เช่น แม่น้ำโวลก้าในรัสเซียตอนที่เยอรมันบุกโซเวียต หลังจากนั้นได้เปลื่ยนเป็นแม่น้ำโอเดอร์ที่กั้นชายแดนเยอรมัน-โปแลนด์ ซึ่งเป็นจุดที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงในปี1945 ตัวเนื้อได้ระบุชัดเจนว่าเอสเอสจะทำลายลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สได้มีการเกณฑ์ทหารอาสาสมัครจากชาวต่างชาติหลายประเทศที่ถูกยึดครอง ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ และประเทศกลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) รวมไปถึงกองกำลังบางส่วนที่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส ทำให้ให้วัฟเฟิน-เอ็สเอ็สกลายเป็นกองกำลังที่มีหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้ตัวเพลงมาร์ชเอ็สเอ็ส มาร์ซเชียร์ อิน ไฟน์เดสลันด์ ได้มีหลากหลายภาษา และแต่ละภาษาจะมีลักษณะทำนองและเนื้อร้องแตกต่างกันไป (แต่ทำนองยังคงเหมือนต้นฉบับอยู่) เช่น หน่วยทหารลัตเวียได้มีชื่อเพลงว่า Zem Mūsu Kājām หน่วยทหารเอสโตเนียมีชื่อเพลงว่า Narva Pataljon Laul หน่วยทหารนอร์เวย์มีชื่อเพลงว่า På vikingtokt หน่วยทหารฝรั่งเศสมีชื่อเพลงว่า Le chant du Diableหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงและนาซีเยอรมนีล่มสลายรวมทั้งหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สก็ได้ถูกยุบ บทเพลงนี้ได้ถูกต้องห้ามในเยอรมนีเว้นแต่นำมาใช้เพื่อการศึกษาและวิชาการเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามบทเพลงนี้ได้ถูกนำมาดัดแปลงด้านเนื้อเพลงและนำไปใช้ในบางประเทศ เช่น บราซิลมีชื่อว่า Dragões do Ar เป็นเพลงประจำกองทัพอากาศ กองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสได้มีเพลงประจำคือ La Légion marche vers le front และอิตาลีได้มีชื่อว่า "canto del guerriero parà" หรือ "Basco Rosso"